DKSH ร่วมมือกับ PacBio ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพมหานครฯ 27 กรกฎาคม 2566 - หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ PacBio บริษัทชั้นนำด้านโซลูชันการวิเคราะห์ลำดับเบส (sequencing solution) ที่ช่วยให้สามารถศึกษาเกี่ยวกับจีโนม ทรานสคริปโตม อีพิจีโนม และเมทาจี ได้อย่างสมบูรณ์และแม่นยำที่สุด โดย DKSH จะให้บริการด้านการขาย การตลาด และการบริการหลังการขาย ในประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย

PacBio เป็นผู้ค้นพบเทคโนโลยีการหาลำดับเบส ที่นำเอาการใช้งานที่ครอบคลุมของการสังเคราะห์สารพันธุกรรมสายยาว (long reading) และความแม่นยำของการสังเคราะห์สารพันธุกรรมสายสั้น (short reading) มารวมเข้าด้วยกัน โดยนวัตกรรมนี้ได้นำเสนอมุมมองใหม่ในการศึกษาด้านการสังเคราะห์ (synthesis) และการควบคุมการแสดงออก (regulation) ของดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ และโปรตีน ทั้งนี้ ด้วยแรงบันดาลใจในการพัฒนาการบริการด้านสุขภาพ PacBio ได้ใช้ความก้าวหน้าด้านชีวเคมี (biochemistry) ทัศนศาสตร์ (optics) และ nanofabrication ตลอดจนด้านอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดย PacBio มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าถึงการแปรผันทางพันธุกรรม (genetic variation) ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างครบวงจร ทั้งนี้ PacBio มีความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายหลากหลายด้าน ตั้งแต่การค้นพบข้อมูลของโรคหายากและโรคมะเร็ง ไปจนถึงการศึกษาประชากรมนุษย์และการอนุรักษ์สัตว์ป่า รวมถึงการยกระดับการจัดการทรัพยากรอาหารทั่วโลก

“DKSH ให้บริการด้านการขยายตลาดที่ยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งเน้นในด้านชีววิทยาศาสตร์ ด้วยความเชี่ยวชาญในตลาด และการบริการหลังการขายที่เหนือชั้น เราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับ DKSH จะช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจ เจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ และบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเราได้” Jason Kang, Vice President, APAC บริษัท PacBio กล่าว

Marco Farina Senior Director, Business Development หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH กล่าวว่า “การขยายพอร์ตโฟลิโอในด้านชีววิทยาศาสตร์ เป็นแผนงานหลักของหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท DKSH โดยระบบการวิเคราะห์ลำดับเบสที่ล้ำสมัยของ PacBio เป็นเทคนิคที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในแวดวงอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ต่อลูกค้าของเรา เพื่อส่งเสริมและผลักดันงานวิจัยให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น”