Local & Trade News | Nov 28, 2025

DKSH ชูแนวทางใหม่ ใช้การดูแลเชิงรุก ช่วยรักษา HPV ระยะเริ่มต้นและดูแลสุขภาพปากมดลูกเพื่อผู้หญิงไทย



ท่ามกลางความตระหนักด้านสุขภาพผู้หญิงในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น DKSH ประเทศไทยได้ริเริ่มแนวทางใหม่เพื่อลดความวิตกกังวล และความไม่แน่นอน ที่เกี่ยวกับสุขภาพปากมดลูก ที่ผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญ พร้อมมอบทางเลือกการดูแลเชิงรุกที่ผ่านการพิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์และผ่านการรับรองทางคลินิก พร้อมแนะนำ  “เจลสเปรย์สำหรับช่องคลอด” ที่ได้รับการคิดค้นพัฒนามาเพื่อช่วยดูแลความผิดปกติของปากมดลูกที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 27 พฤศจิกายน 2025 – หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ DKSH ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรผู้ให้โซลูชันเชิงกลยุทธ์ด้านสุขภาพและผู้นำด้านบริการขยายตลาด (Market Expansion Services) สำหรับผลิตภัณฑ์ยา เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป และอุปกรณ์การแพทย์ ได้เชิญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพ และสื่อมวลชน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการดูแลเชิงรุก และผลกระทบทางอารมณ์ต่อผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชพีวี (HPV)

เมื่อเร็ว ๆ นี้ DKSH ได้เปิดตัวเจลสเปรย์สำหรับช่องคลอด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยดูแลความผิดปกติของปากมดลูกที่เกิดจากการติดเชื้อ HPV ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการดูแลเชิงรุก ที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัด HPV ได้มากขึ้นถึงสองเท่าและช่วยให้รอยโรคปากมดลูกระยะเริ่มต้นฟื้นตัวได้ดีขึ้น1,2 โดยเฉพาะในช่วง “รอดูอาการ” เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผล ที่มักใช้ ในการดูแลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของปากมดลูกในระยะเริ่มต้น งานครั้งนี้ จึงมุ่งสร้างความเข้าใจ ลดความกลัว ส่งเสริมการฟื้นตัวของรอยโรค ลดความเสี่ยงในอนาคต และย้ำถึงความสำคัญของการดูแลผลกระทบทางด้านอารมณ์ของผู้ป่วยไปพร้อมกัน 

การรับมือกับปัญหาสุขภาพที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่สำคัญสำหรับผู้หญิง โดยเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับสองในผู้หญิงไทย HPV ถือเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก โดยส่วนใหญ่การติดเชื้อ HPV ประเภทเชื้อที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือผู้ป่วยที่พบความผิดปกติของปากมดลูกระยะเริ่มต้น เช่น Low-grade Squamous Intraepithelial Lesions (LSIL) หรือ Cervical Intraepithelial Neoplasia grade 1 (CIN1) แพทย์มักใช้วิธี “รอดูอาการ” เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผล เนื่องจากร่างกายมีโอกาสกลับมาเป็นปกติได้เอง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าอาจพบการติดเชื้อเรื้อรัง เนื่องจากเชื้อ HPV บางส่วนสามารถคงอยู่เป็นระยะเวลานาน3* และ 31% ของผู้หญิงที่มีความผิดปกติของปากมดลูกในระดับรุนแรง อาจเสี่ยงต่อการพัฒนาไปสู่มะเร็งปากมดลูกได้ นอกจากนี้ผู้หญิงจำนวนมากยังเผชิญกับความเครียดและวิตกกังวลตลอดระยะเวลาการรอติดตามอาการอีกด้วย5

รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะอนุกรรมการมะเร็งนรีเวช ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย (RTCOG)  “แม้แนวทาง รอดูอาการ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผล จะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HPV ประเภทความเสี่ยงต่ำ และหลายกรณีสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกกลัวและมีความกังวลตลอดช่วงการรอติดตามผล สิ่งสำคัญคือการให้การสนับสนุนที่ทันเวลา ที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและอารมณ์ของผู้ป่วย ทางเลือกในการดูแลเชิงรุกสำหรับผู้หญิง จะช่วยคลายความวิตกกังวลและความกลัวเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคที่อาจลุกลามได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องการดูแลตัวเองเชิงรุกได้อย่างมั่นใจ แทนการรอคอยด้วยความกังวลเพียงอย่างเดียว”

นายแพทย์โอฬาริก มุสิกวงศ์ หัวหน้าคลินิกเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “HPV เป็นเชื้อที่พบได้บ่อยมาก ประมาณ 80% ของผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดเชื้ออย่างน้อยครั้งหนึ่ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะหายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากเชื้อยังคงอยู่และมีอาการเรื้อรังอาจมีโอกาสพัฒนาเป็นรอยโรคหรือมะเร็งปากมดลูกได้ อย่างไรก็ตาม ความอาย ความไม่เข้าใจ และความเชื่อผิดๆ มักทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าพูดหรือเข้ารับการตรวจรักษา ส่งผลให้การรักษาล่าช้า จึงจำเป็นต้องทำให้การพูดคุยเรื่องสุขภาพปากมดลูกเป็นเรื่องปกติ และต้องทำให้เกิดการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าถึงง่าย เพื่อให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจตั้งแต่เนิ่นๆ” 

นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพผู้หญิง คุณแม็กซีน อินทิพร แต้มสุขิน จากเพจ Maxdicine และ คุณมณฑิรา เปี่ยมรัตนวงศ์ – แพรรี่อินวันเดอร์แลนด์ ยังได้ร่วมเปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับ HPV ภายในงานอีกด้วย

ภญ.พัชราวลัย ว่องรักษ์สัตว์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการตลาด  หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “DKSH มุ่งมั่นในการเสริมพลังให้ผู้หญิงด้วยข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้องและเข้าถึงได้ง่าย เพราะการดูแลเชิงรุกเริ่มต้นจากการมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป้าหมายของเราคือการนำเสนอทางเลือกด้านการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ไม่ใช่แค่ด้านการรักษาเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสุขภาวะทางอารมณ์ของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพปากมดลูกอีกด้วย ที่ DKSH เรามุ่งส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงรุก ผ่านความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสุขภาพ เพื่อมอบองค์ความรู้ที่เชื่อถือได้และช่วยให้ผู้หญิงเข้าถึงทางเลือกที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้พวกเธอมีความมั่นใจ ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน และสามารถควบคุมสุขภาพของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น” 

โซลูชันด้านสุขภาพสตรีที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ DKSH ประเทศไทย ได้เปิดตัวเจลสเปรย์สำหรับช่องคลอดนวัตกรรมใหม่ 
สำหรับช่วยดูแลความผิดปกติของปากมดลูกที่เกิดจากติดเชื้อ HPV ตั้งแรกระยะเริ่มต้น ด้วยส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางคลินิกได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยเพิ่มอัตราการกำจัด HPV ได้มากขึ้นถึงสองเท่า1,2, สนับสนุนการฟื้นฟูรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้มากถึง 95.7%1,2 และช่วยฟื้นสมดุลจุลินทรีย์ในช่องคลอด รวมถึงส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อปากมดลูกตามธรรมชาติ1 ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับการดูแลความผิดปกติของปากมดลูกระยะเริ่มต้น หรือติดเชื้อ HPV ประเภทความเสี่ยงต่ำ ด้วยวิธีการใช้งานที่ง่าย จึงสะดวกสำหรับการใช้ที่บ้านโดยต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำและใบสั่งแพทย์ ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพปากมดลูกเชิงรุก ส่งเสริมการฟื้นฟู ลดความเสี่ยงในอนาคต เสริมสร้างความมั่นใจ ในระหว่างการรอดูอาการและติดตามผล

MA code 25111866-NP (Exp.Nov2027)

*สำหรับการติดเชื้อมากกว่า 2 ปี ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติระดับสูงและมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ
Ɨ ภายใน 30 ปี สำหรับผู้หญิงที่มีความผิดปกติของปากมดลูกระดับสูง
1. Lavitola, Giada, et al. BioMed Research International 2020.1 (2020): 5476389.
2. Stentella, Patrizia, et al. Minerva Ginecologica 69.5 (2017): 425-430.
3. Zhao, Ming, et al. Iscience 27.10 (2024).
4 McCredie, Margaret RE, et al. The lancet oncology 9.5 (2008): 425-434.
5 Jentschke, M., et al. Archives of Gynecology and Obstetrics 302.3 (2020): 699-705.


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

วราลักษณ์ มิตรา
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร
waralux.mitra@dksh.com