DKSH จับมือกับ ป้าละมัย นำซอสปรุงรสไทยต้นตำรับลงซองพร้อมปรุง ภายใต้แนวคิด “รส…ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” กระจายสินค้าถึงมือครอบครัวผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศแล้ววันนี้
กรุงเทพฯ 19 ธันวาคม 2567 – หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด คู่ค้าชั้นนำสำหรับบริษัทอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชีย ร่วมกับ บริษัท มีดีกรุ๊ป 2022 จำกัด ผู้ผลิตซอสปรุงอาหารสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ ‘ป้าละมัย’ ประกาศความร่วมมือ โดยแต่งตั้งให้ DKSH เป็นผู้จัดจำหน่ายกระจายสินค้าซอสปรุงอาหารสำเร็จรูปแบรนด์ป้าละมัยในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคผ่านช่องทางร้านค้าปลีกทั่วไป (General Trade) ได้ดียิ่งขึ้น
DKSH จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยขยายธุรกิจอย่างครบวงจร (Full Market Expansion Service) ให้แก่ มีดีกรุ๊ป ตั้งแต่การจัดจำหน่าย การขนส่ง ตลอดจนการบริหารการตลาด และการขายเชิงกลยุทธ์ ด้วยเครือข่ายการค้าปลีกที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ผนวกกับทีมขายที่มีประสบการณ์ของ DKSH ทำให้มั่นใจได้ว่า มีดีกรุ๊ป จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดและเติบโตธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ยังช่วยตอกย้ำบทบาทของ DKSH ในฐานะคู่ค้าชั้นนำที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทยอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ของป้าละมัย ประกอบด้วย ซอสผัดกะเพรา ซอสข้าวผัดและอเนกประสงค์ และซอสพริกไทยดำ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยประหยัดเวลาและทำให้การทำอาหารอร่อย ๆ ที่บ้านเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องพึ่งวัตถุดิบเพิ่มเติม มั่นใจเรื่องรสชาติความอร่อยไม่มีเปลี่ยนแปลงด้วยสูตรอาหารไทยต้นตำรับ ไม่เพียงเท่านี้ ซอสข้าวผัดและอเนกประสงค์ ยังเคยได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลระดับนานาชาติ “International Innovation Awards 2024” ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง
โดย Damien Morot, Vice President, FMCG, Thailand & Laos and Head ได้กล่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “การร่วมมือกันระหว่างสององค์กรในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ DKSH ในการสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมซอสปรุงอาหารสำเร็จรูปในประเทศไทย เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและกระจายสินค้าของแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความมั่นใจที่จะช่วยให้ ซอสปรุงรสแบรนด์ป้าละมัย สามารถขยายตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมของเรา”
“ตลาดซอสอเนกประสงค์สำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีการขยายตัวถึง 12-15% ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนวัยทำงานและครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่มักนิยมอาหารประเภทพร้อมปรุง ซึ่งมาพร้อมวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ช่วยให้สามารถประกอบอาหารได้ทันที ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายและความรวดเร็วที่ขาดไม่ได้ในยุคปัจจุบัน” นายอนุศาสตร์ สระทองเวียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีดีกรุ๊ป 2022 จำกัด กล่าว
การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ DKSH ในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจที่ช่วยเสริมศักยภาพและการเติบโตของแบรนด์ต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการผสานวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมของมีดีกรุ๊ป เข้ากับความสามารถด้านการขยายตลาดที่ผ่านการพิสูจน์แล้วของ DKSHทำให้ป้าละมัยสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศได้อย่างมั่นใจ
เกี่ยวกับ DKSH
DKSH มีวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตผู้คน เราได้ให้บริการด้านการขยายตลาดแก่ธุรกิจในภูมิภาค เอเชียและทั่วโลกมายาวนานกว่า 160 ปี ภายใต้หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หน่วยธุรกิจวัตถุดิบอุตสาหกรรม และหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการขยายตลาด เรา ให้บริการด้านการจัดหาวัตถุดิบ ข้อมูลการตลาด การตลาดและการขาย การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ การกระจายสินค้าและการจัดส่ง รวมถึงบริการหลังการขาย DKSH เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และยึดมั่นในแนวทางตามหลักการประกอบธุรกิจที่มีความ รับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯ ได้จดทะเบียนใน SIX Swiss Exchange ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 36 ประเทศ มีพนักงาน ผู้เชี่ยวชาญ29,040 คน โดยมียอดขายสุทธิในปี พ.ศ. 2566 จำนวน 11.1 พันล้านฟรังก์สวิส หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมุ่งเน้นการบริการขยายตลาดสินค้าที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน (Fast Moving Consumer Goods) ธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) สินค้าแบรนด์เนม สินค้าด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 14,580 ราย หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคหน่วยธุรกิจนี้ได้สร้างยอดขายสุทธิ 3.5 พันล้านฟรังก์สวิสในปีพ.ศ.2566 www.dksh.com/cg